วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2552

สู้ลมหนาว ณ ปาย

เราได้ลาพักร้อนไปสู้ลมหนาวไกลถึงเชียงใหม่-ปาย โน่นแน่ะ ทริปนี้ไปกับเพื่อนๆ และพี่ๆ หลายคน (ใครอยู่ในทริปนี้..ยกมือขึ้น แล้วจะเป็นคนน่ารักทุกคนเลย)พวกเราไปเที่ยวเชียงใหม่กันก่อน 1 วัน ขอพรครูบาศรีวิชัย ขึ้นไปสักการะพระธาตุดอยสุเทพ (แอบคิดถึงเรื่องในอดีต..เฮ้อ!)
และรุ่งขึ้นเราก็เดินทางไปปาย ผ่าน 762 โค้ง แบบสบายๆ แล้วก็เข้าที่พักก่อน บรรยากาศดีสุดๆ เลยอ่ะ ได้สัมผัสธรรมชาติ ความเป็นอยู่ที่ยังมีกลิ่นไอชนบทอยู่บ้าง ได้ไปเที่ยววัดน้ำฮู แล้วต่อด้วยเดินชมหมู่บ้านสันติชล ที่สะท้อนความเป็นอยู่ของไทย-จีน ยูนาน เราได้ไปเล่นชิงช้าของพวกเค้าด้วย (หนุกดีนะ..) และไปบ่อน้ำร้อนปาย กลับมาเก็บภาพความประทับใจที่สะพานประวัติศาสตร์แม่น้ำปาย และ Coffee in Love แล้วเดินเล่นที่ถนนคนเดินปาย และก็กลับมาก่อกองไฟ ผิงไฟ ลอยโคมกันที่บ้านพัก คืนนี้มีดาวน้อยไปหน่อย แต่อากาศก็หนาวแบบสุดๆๆ เหมือนกันนะ
ตี 4 ของเช้าวันใหม่ ทุกคนต้องออกเดินทางไปห้วยน้ำดัง ซึ่งตอนแรกจะไปปางอุ๋ง แต่เกรงว่าหนุ่มๆ ที่นั่งกะบะหลังจะไม่ไหวอ่ะดิ..และแล้วห้วยน้ำดัง ยังสวยเหมือนเดิม (คิดอีกล่ะ) และบ่ายๆ ก็มาอยู่กับธรรมชาติแบบสุดๆๆ กับการล่องแพแม่น้ำปาย แสงแดดอ่อน สายลมหนาวเอื่อยๆๆ เสียดายที่ไม่มีคนข้างกาย (เฮ้อ! แย่จัง) แต่ก็ Happy สุดเลยล่ะ อยากใช้ชีวิตอย่างนี้นานๆ จัง แต่แล้วเราก็ได้ของที่ระลึกเป็นบาดแผลตอนหน้าหนาว..(แง..แง..เจ็บชะมัดเลย) ก็บังเอิญแพเจ้ากรรมดันชนกับก้อนหินนะสิ..ดีนะที่ไม่ตกน้ำไป แต่กลัวมือถือหล่นสุดๆ เลยอ่ะ แต่แค่นี้ไม่ทำให้ความประทับใจลดลงได้หรอกนะ และพวกเราก็ขึ้นไปดูพระทิตย์ตกดินที่วัดแม่เย็น ซึ่งจะเห็นบรรยากาศรอบๆ เมืองปาย สวยมั่กๆๆ แล้วหลังจากนั้น ก็ไปซื้อของเพื่อที่จะกลับไปกินข้าว ข้างๆ กองไฟ เคล้าเสียงเพลง และเสียงกีตาร์ ที่กว่าจะได้ฟังสัก 1 เพลง ก็จะต้องฟังคำบรรยายที่มาของเพลงก่อน (อืม! ก็ไม่มีใครเล่นเป็นก็ต้องรอฟังกันไป) แล้วคืนนี้พวกเราก็ลอยโคมกันอีก แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากวัสดุมันไม่ค่อยดีอ่ะ แต่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวันหนึ่งคืนที่ประทับใจมั่กๆๆ ทำให้ไม่อยากกลับเลยอ่ะ สัญญาจ๊ะ..ถ้ามีโอกาสจะกลับมาที่..ปาย..อีก :-)
เช้าวันใหม่กับการออกเดินทางจากปาย สู่เชียงใหม่ ซึ่งครั้งนี้ ทรมานมากๆ เพราะรถตู้ขับรถแย่จัง อากาศในรถตู้มันน้อยๆๆงัยไม่รู้ หายใจแทบไม่ออก กว่าจะถึงเชียงใหม่ กว่าจะได้เข้าที่พัก และกว่าจะได้กินข้าว ทำให้พวกเราหน้ามืด หลงเข้าไปในร้านเย็นตาโฟทะเล ชามโตสุดแพง ดื่มน้ำสตอเบอร์รี่ที่ราคาสูงริบลิ่ว แต่มันก็อร่อยมั่กๆๆ นะ คิดตังค์ที..หน้ามืดจริงๆๆ แล้วเราก็ไปเที่ยวพืชสวนโลก เค้าจัดตกแต่งได้สวยมั่กๆๆ แถมมีการโดดร่มเหิรเวหาด้วย และต่อด้วยการส่องสัตว์ที่ไนท์ซาฟารี อย่างใกล้ชิด ตื่นตาตื่นใจกับน้ำพุเต้นระบำ แล้วต่อด้วยอาหารมื้อใหญ่แถวหน้า มช. และตบท้ายด้วย ชอปปิ้งที่ไนท์บาซาร์ แล้วเข้าพักผ่อนที่โรงแรมสไตล์ล้านนาอย่างธาตุคำ..ก็จบอีก 1 คืนที่เชียงใหม่
เช้าวันสุดท้าย วันพ่อแห่งชาติ สามสาวฝ่าลมหนาว เป็นคนดี เดินไปซื้อของเพื่อจะมาใส่บาตรที่วัดธาตุคำแถวโรงแรม ทำให้เช้านี้เป็นเช้าที่อิ่มบุญกันไป และกลับมาเก็บของเตรียมตัวเดินทางกลับ ก่อนกลับเราก็ต้องไปซื้อของฝากกันที่กาดวโรรส วนัสนันท์ แล้วถึงแยกย้ายกันกลับกรุงเทพฯ ส่วนกลุ่มที่ต้องรอกลับเครื่อง ก็ไปเที่ยวกันต่อที่พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ และตบท้ายด้วยอาหารญี่ปุ่นราคาถูก และเหมือนจะอร่อยที่สุดในเชียงใหม่ แล้วก็กลับมาเอากระเป๋าที่โรงแรมเพื่อที่จะไปสนามบิน
เฮ้อ! เวลาแห่งการพักผ่อน มันช่างเร็วเหลือเกิน ถ้าหยุดเวลาได้ก็คงดีสินะ ขอบคุณทุกๆ การเดินทาง และทุกๆ คนในทริป ที่น่ารักมากๆ นะคะ หวังว่าจะมี Trip สนุกๆๆ อย่างนี้ให้พวกเราได้เดินทางร่วมกันอีกนะคะ เอ๊ะ! แล้วเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนในทริปนี้ เค้าจะคิดเหมือนเรากันไหมน๊า..? เป็นอย่างไรบ้างค่ะ..Trip รับลมหนาว..ขอบอกว่า ถ้าคนไหนยังไม่มีโปรแกรม เราขอแนะนำให้ไปท้าลมหนาวที่ปายกันนะคะ..รับรองไม่ผิดหวัง..ประทับใจสุดๆๆ เลย...อืม! อยากไปปายอีกจังเลยอ่ะ....:-)