วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2553
ธรรมะเทอราปี
เริ่มต้นปีมาก็รับพรปีใหม่ ด้วยการสวดมนต์ข้ามปี ปีนี้เลยได้ทำงานเพื่อสังคมเยอะขึ้น เหนื่อยยิ่งกว่างานปรกติ แต่ได้บุญไปด้วย ล่าสุดช่วงวันคล้ายวันเกิดก็ได้ไปใส่บาตร และยังได้ไปช่วยทาสีโรงเรียนที่ต่างจังหวัด และไปนมัสการหลวงพ่อโสธรด้วย หลังจากนั้นก็บินตรงไปทำบุญกับที่บ้านที่ภูเก็ต ถวายสังฆทานชุดใหญ่แก่หลวงปู่สุภา แต่เสียดายที่ท่านจำวัด แต่ก็ได้กราบและเห็นท่านใกล้ชิด เลยตั้งจิตอธิษฐานถวายสังฆทานกันตรงนั้น เพื่อครอบครัว เราต้องทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ต้องทำก่อน
ปีนี้เราเหมือนต้องใช้ธรรมเทอราปี เป็นคำที่น่าจะถูกต้อง ใช้ธรรมะ บำบัด เพราะงานที่ทำเหนื่อยมากมาย เหนื่อยกาย เหนื่อยใจ และที่สำคัญกำลังใจจากคนสำคัญหายไป ทั้งๆที่เรามีใครเข้ามามากมาย แต่คนเหล่านั้น ก็ไม่ทำให้เราลืมกำลังใจสำคัญนั้นได้เลย เราก็คงทำเวรทำกรรมไว้เยอะอ่ะ เค้าก็เลยเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่แสนดี และน่ารักเสมอ ตลอดไป ....เราเลยต้องอาศัยธรรม ฝึกกาย ฝึกกำลังใจ สร้างสิ่งที่ต่อสู้กับความเป็นจริงที่เหน็ดเหนื่อยอย่างลำพัง ที่พึ่งที่ดีก็คือตัวของเราเป็นที่ตั้ง ฝึกให้กายและใจเป็นธรรมะ และสิ่งดีๆ ก็จะเข้ามาในชีวิตเอง
ล่าสุดในวันพระใหญ่เราไปเวียนที่เสถียรธรรมสถาน สถานที่ปฎิบัติธรรม ที่เข้าไปแล้วร่มรื่นและเย็นสบาย เข้าไปเริ่มต้นสวดมนต์ในตอนเย็น ใต้ต้นโพธิ์ที่แผ่กิ่งก้าน ร่มเย็น สัมผัสสายลมที่พัดผ่านเป็นระลอก ต้นไม้พลิ้วไหว อากาศกำลังสบาย พอสวดมนต์เสร็จ เนื่องวันนี้แม่ชีศันสนีย์ท่านติดภารกิจ ไม่ได้อยู่ที่วัด ก็มีพระอาจารย์จากวัดชลประทาน มาบรรยายธรรมให้ฟัง ท่านแสดงธรรมแบบให้ข้อคิดบนพื้นฐานความเป็นจริงให้เลิกแข่งขันแล้วหันมาแบ่งปัน สังเกตจากการเขียน แข่งขัน แค่แยกขา ขอไข่ ออกให้ห่างทั้งสองตัว แล้วลากหางขอไข่ตัวหลังให้ยาวขึ้น เท่านั้นก็ได้คำว่า แบ่งปันแล้ว...และในวันนี้เป็นวันแห่งความคิดถึง คิดถึงธรรม พระพุทธเจ้าท่านจึงแสดงธรรม เป็นพระโอวาทปาฎิโมกข์ งัยค่ะ คนเราควรคิดคิดถึงคนอื่นและสิ่งอื่นให้มากขึ้น เพราะถ้าคิดถึงแต่ตัวเองก็จะเกิดความเห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง แต่ถ้าเราไม่เห็นแก่ตัวเราก็จะไม่อยากแข่งขัน และก็จะเกิดการแบ่งปัน....ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการอยู่ร่วมกันในสังคม
แล้วเมื่อรับฟังธรรมกันจบก็เข้าพิธีสวดมนต์ในวันพระใหญ่ แล้วเวียนเทียน ที่นี่เป็นการเวียนเทียนรอบ สระบัว ต้นโพธิ์ พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ใต้ต้นโพธิ์ เท้าติดพื้น สัมผัสดิน หิน หญ้า น้ำ ธรรมชาติ ความมืด คึวามสว่าง ต้องพิจารณาทางและสวดมนต์ไปด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นเวียนเทียนอีกรูปแบบที่ประทับใจและน่าจดจำในชีวิต ทำให้เราแอบคิดถึงคนที่เค้าชอบปฎิบัติธรรมเหมือนเราคนหนึ่ง ที่เค้ามักจะพาเราไปพบสิ่งดีๆ เสมอ แต่วันนี้...เค้าอยู่ไหน เจ้ากรรมนายเวรที่แสนดี
เราเลยอยากเผื่อแผ่บุญให้กับทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านบล็อคนี้ ถึงแม้ว่ามันอาจเป็นความรู้สึกส่วนตัวของเราก็ตาม เราแค่อยากเผื่อแผ่การเวียนเทียนอีกรูปแบบ การสวดมนต์ ฟังธรรม เวียนเทียน ที่ต่างไปจากการเข้าวัดในรูปแบบปรกติแต่เราสงบและรู้สึกดีไม่ต่างกันเลยค่ะ สบายใจขึ้นมากเลย แม้วันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ถ้าวันนี้เราทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เราก็จะไม่เสียใจเลยใช่ไหมค่ะ...ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆๆ และคนดีๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป^_^
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)