วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553

มิตรภาพแห่งกาลเวลา

ฉันมีเพื่อนสนิทที่สุดอยู่ 2 คน คนหนึ่งอยู่ไกลถึงอเมริกาชื่อเจี๊ยบ และคนหนึ่งเป็นภรรยาชาวเกาหลีไปแล้ว ชื่อนุช ก่อนหน้านี้อยู่เกาหลีด้วยซ้ำอ่ะ แต่พอมาปีนี้ 2553 เราสามคนได้มีโอกาสมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ได้กิน ได้นอน ได้เที่ยว ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง ประมาณ 3-4 วัน ซึ่งเป็นช่วงเวลา 3-4 วันที่มีคุณค่าและมีความสุขที่สุดสำหรับเราทั้งสามคน บอกไม่ได้กับความรู้สึกที่มันผูกพันกันอย่างมากมายนับไปนับมา เกือบ 20 ปีได้แล้วล่ะมั้ง ที่เรารู้จักและเป็นเพื่อนกันมา มันแทบจะไม่ต้องพูดไม่ต้องบอกเลยว่า คนๆหนึ่งคิดและรู้สึกอะไรอย่างไง เล่าอะไรก็จะทันกัน พูดกัน เตือน ห่วงกัน และรักกันมากมาย
เริ่มต้นก็ได้มาเจอกันรอบหนึ่งก่อนตอนเจี๊ยบกลับมาถึงเมืองไทย ก็ได้แค่กินข้าวเย็น เม้าส์ๆๆ จนนอนตี 3 เลยอ่ะ แล้วพอเช้าก็ต้องแยกย้าย เรามาทำงาน เจี๊ยบกลับภูเก็ตไปจัดการเรื่องบ้าน เรากับนุชก็เลยอยากให้เจี๊ยบกลับมาอีกรอบก่อนกลับอเมริกา และแล้วเจี๊ยบก้ตัดสินใจเปลี่ยนตั๋วเดินทาง โดยลงไปภูเก็ตแล้วกลับขึ้นมาอยูที่กทม.ต่ออีก 2-3 วันแล้วค่อยกลับอเมริกา ในช่วงสัปดาห์นั้นต่างคนก็ต่างใช้ชีวิต และติดต่อกันบ้าง เพื่อรอเวลาให้เจี๊ยบขึ้นมาอีกรอบ
และแล้วเวลาแห่งการรอคอยก็มาถึง ด้วยความที่มีเพื่อนหลายกลุ่ม กว่าจะรวมกันได้ คนนั้นจะเอาอย่าง คนนี้จะเอาอย่าง ปวดหัวมากมายกับการจัดโปรแกรมที่จะมาเจอกัน เฮ้อๆๆ วุ่นวาย แต่ก็สรุปด้วยโปรแกรมไปกินข้าวเย็น ที่ Secret Garden กับเพื่อนกลุ่มม.กรุงเทพ แต่เรากับนุชไม่ได้ไปเพราะรถติด ทำให้สามีของนุชต้องหาอะไรทานก่อน เลยต้องแยกกันไป แล้วค่อยไปต่อที่ Slim และ Curve สนุกสนาน..ปล่อยแก่กันไป กับน้องๆ หลานญาตินุช เฮฮามากมาย ดื่มค๊อกเทลกันอย่างเอร้ดอร่อย มึนกันไป กับบรรยากาสฝนตกรถติดตลอดคืน แล้วเราก็ไปนอนบ้านนุชกันที่สุขุมวิท มึนกันก่อนกว่าจะถึงบ้าน..และกว่าจะได้นอน ก็ตี3-4 กันอีกแล้ว555
เช้าวันที่ 2 กว่าจะตื่นกันแล้วไปช็อปปิ้งที่ แพลตตินั่ม เดินกันแบบว่าเกือบทุกซอกทุกมุม แต่เวลาก็ไม่พอ เราต้องรีบไป Dinner ที่ Spring Summer ร้านของพี่พล ตัณฑเสถียร กันต่อ ที่ร้านบรรยากาศเป็นเบาะใหญ่ๆ นั่งชิลๆๆ เสมือนนอนกิน กินเสร็จก็นอนดูดาวบนท้องฟ้ากลางสนามหญ้านั้นเลย อากาศดีมากมาย เหมือนอยู่บ้าน อาหารก็อร่อยนะคะ ของหวานก็ผ่าน..และคืนนั้นนุชอีกนุชที่อยู่ชลบุรีก็มาด้วย มันช่างอบอุ่น รื้อฟื้นเรื่องราวสมัยอดีต เก็บภาพกับสถานที่กันไป พอร้านปิดเที่ยงคืนเราก็ต้องแยกกันไป นุชชลก็กลับบ้าน พวกเรา 3 คนก็กลับไปบ้านนุชที่สุขุมวิทอีก ถึงปุ๊ปก็รื้อของที่ซื้อมาดูกัน แล้วก็upload รูป และupfb กันก่อน แล้วก็นอนคุยกันไปเรื่อย ขุดเรื่องราวเก่าๆและพูดกันถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้น ที่สำคัญนินทาบรรดาผู้ชายทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตพวกเราด้วยอ่ะ..555 จนเกือบตี 3-4 อีกแล้ว
เช้าวันนี้เจี๊ยบก็ต้องเตรียมตัวเดินทาง และมีญาติมาหา แล้วหลังจากนั้นก็ต่างเก็บของแล้วคุยเล่นกันไป และพอประมาณบ่าย 3ก็ถึงเวลาที่เราต้องเดินทางไปส่งเจี๊ยบที่สนามบิน เราไปกันก่อนเวลาก็ไปนั่งเม้าส์และถ่ายรูปกันต่อ พอ 6 โมง เวลาแห่งการจากลาก็มาถึง เราคุยกันว่าต้องไม่ร้องไห้ แต่แล้วพอกอดกันเท่านั้น นุชก็เริ่มร้องเป็นคนแรก แล้วก็ตามๆ กัน จนกลายเป็นเด็กที่ไม่สนว่าใครจะมองอะไร เพราะความรู้สึกตอนนั้น เราสามคนก็คงไม่อยากจะจากกัน มันเป็นเวลาที่คิดถึงแล้วน้ำตาจะไหลทุกครั้ง และยิ่งคิดถึงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆแต่สนุกสาน มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ดังตลอด มันทำให้เรายิ่งไม่อยากจะจากกัน แต่ทุกคนก็มีหน้าที่ มีทางต้องเดิน แต่แค่รู้กันไว้ว่า ช่วงเวลาเหล่านี้มันเป็นความทรงจำที่มีความสุขเหลือเกิน
เราคิดว่าเราโชคดีนะ ที่เรามีเพื่อนที่ดีอย่างนี้ นุชกับเจี๊ยบเข้าใจในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะดีจะร้ายเราก็ไม่เคยโกรธกัน เราอยากมีชีวิตที่ดีกว่านี้ เพื่อพ่อแม่และครอบครัว และเราก็จะไม่ทิ้งความเป็นเพื่อนที่ดีของทั้งสองคนนี้ เพราะในเวลาที่เราไม่มีใคร ในหลายๆครั้งที่ทั้งสองคนนี้มักจะอยู่ข้างเราเสมอ แม้ตัวอาจจะไม่ได้อยู่ใกล้กัน แต่ความเข้าใจและคำพูดก็จะถูกส่งมาให้กำลังใจเราเสมอ เราดีใจที่มีเพื่อนมากมาย และเราก็คิดว่าเพื่อนของเราทุกคนเป็นคนดี เป็นคนที่ข้าใจ รักเราและเราก็รักทุกคน และสำหรับเพื่อนรักทั้งสองคนนี้ ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา เราจะรักเพื่อนรักของเราทั้งสองคนนี้ตลอดไปและตลอดกาล...เราสัญญา^_^