วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ทำสมาธิ..แก้กรรม
วันที่ 22 สิงหาคม 2552 เราได้มีโอกาสไปฟังบรรยายกรรม ในหัวข้อ "สมาธิกับการแก้กรรม" โดย ริชชี่ พีระวัฒน์ อริยทรัพยกมล ซึ่งเป็นชาวเชียงใหม่ที่มีญาณพิเศษ หยั่งรู้อดีต ปัจจุบัน และอนาคต เนื่องจากเป็นจิตหนึ่งของพระนาราณ์แบ่งมาเกิด
ซึ่งในการบรรยายในครั้งนี้ ก็มีสิ่งที่ทำให้เราได้มีโอกาสเข้าไปฟังอยู่ 4 อย่างคือ 1.การที่เราได้กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธ์ แล้วท่านดลใจให้เราได้เข้ามาฟัง 2.ไม่รู้ว่ามาฟังทำไม อาจจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรให้มาฟังก็ได้ 3.อาจเคยเจอกับริชชี่ในอดีตชาติ 4. เป็นการฟัง ธรรมทาน ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆๆทั้งสิ้น
เริ่มต้นเราก็ต้องรู้กันก่อนว่า บาป และกรรม ต่างกันอย่างไร คำว่า "บาป" คือการกระทำผิดที่เจ้าตัวรู้ แต่ไม่มีคู่กรณี และส่วน "กรรม" นั้น เป็นผลของบาปที่ก่อให้เกิดกรรม ซึ่งมีคู่กรณี ส่งผลให้เกิดวิบากกรรม การทำกรรมนั้นก็มี 2 อย่าง คือ กรรมดีและกรรมชั่ว โดยการทำกรรมนั้น ก็ทำได้ 3 ทาง คือ 1.ความคิด ที่เรียกว่า มโนกรรม 2.คำพูด ที่เรียกว่า วจีกรรม 3.ร่างกาย ที่เรียกว่า กายกรรม แต่ถ้าเราทำกรรมดี นั้นก็เสมือนว่า เรากำลังจะสร้างบุญ
คนเรามีแค่เสวยบุญ และรับวิบากกรรม ก็เท่านั้น และการรับวิบากกรรมนั้น ก็มีอยู่ 4 เรื่อง คือ1. สุขภาพ 2. ครอบครัว 3. งาน 4. เงิน แต่การรับวิบากรรมนั้นจะมากจะน้อยก็ต้องแล้วแต่ว่าทำอะไรกับเจ้ากรรมนายเวรไว้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งเจ้ากรรมนายเวร ก็มีอยู่ 2 อย่าง คือ 1.เจ้ากรรมนายเวรแบบมีชีวิต คือ คนและสัตว์ 2.เจ้ากรรมนายเวรแบบไม่มีชีวิต คือจิตวิญญาณ และเทวดา ในรูปแบบเทวดา ก็อาจเป็นในลักษณะที่ชอบไปบนบาลศาลกล่าวไว้ แล้ลืมแก้บนอะไรทำนองนั้น
ดังนั้นเราจึงต้องแก้กรรม เพื่อให้หลุดพ้น เพราะการทำบุญ เป็นเสมือนการสร้างบารมีให้แก่ตัวเอง แต่ยังไม่สามารถทำให้เราหลุดพ้นจากเจ้ากรรมนายเวร ในกรณีที่เจ้ากรรมนายเวร เป็นคน เราก็มาสามารถเข้าไปขอขมา ขออโหสิกรรม หรือขอโทษ ด้วยใจจริง และให้เค้ายอมอภัยให้เรา เท่านั้น แต่สำหรับเจ้ากรรมนายเวรที่เรามองไม่เห็น สิ่งที่ทำได้คือ เราต้องนั่งสมาธิ เพื่อให้มีจิตที่ตั้งมั่น แน่วแน่สื่อถึงวิญญาณเพื่อขออโหสิกรรม และให้เค้าอภัยแล้วยอมรับในการขออโหสิกรรม เพราะไม่รู้ว่าจะอภัยให้ง่ายรึป่าว แต่ถ้าเราตั้งมั่น สักวันหนึ่งก็จะมีทางที่เค้าจะให้อภัย ซึ่งเป็นผ่อนหนักให้เป็นเบามากว่า ทำครั้งเดียวแล้วมันจะหมดไปเลยนั้นคงยาก
การทำสมาธิ สามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา และทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะไปฝึกจากที่ไหน แบบใด ก็ให้เรามีจิตใจที่มุ่งมั่นและเป็นสมาธิได้ทั้งนั้น และการทำสมาธิแก้กรรมนั้น ควรทำในเวลากลางวัน เพราะเป็นช่วงที่เรายังมีพลังมากกว่าช่วงกลางคืน ซึ่งจิตเราจะอ่อนตามร่างกายที่เหนื่อยล้า...แต่สำหรับวิญญาณนั้นมีพลังทุกเวลา
สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งดีๆที่เราเอามาฝากและอยากเผยแพร่ให้กับผู้ที่อ่านบทความนี้ และที่สำคัญลองทำสมาธิแก้กรรมกันดูก็ได้นะคะ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น บางทีเราอาจจะหลุดพ้นจากสิ่งที่ไม่ดี แล้วมีชีวิตที่ดี มีความสุข และตู่ก็ขอให้ทุกคนมีความสุขกันถ้วนหน้านะคะ^_^
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น