วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ถนนสีชมพูกับพลุวันพ่อ

วันที่ 5 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันพ่อแห่งชาติ ปีนี้เราก็ได้แค่กราบพ่อเท่านั้น ไม่ได้ซื้อพวงมาลัยมาให้ท่าน และเราก็ได้พาคุณแม่และน้องสาวไปดูไฟที่ถนนราชดำเนิน ก็น้องชายเราไปทำงานเป็นพิธีกรของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งมี Booth แถวแยกคอกวัวและคุณแม่ก็เลยอยากให้เราไปเป็นเพื่อน แต่ต้องไปกันตั้งแต่บ่าย 3 โมง เพราะไม่งั้นจะเข้าไม่ได้ จะมีการปิดถนน ไปถึงก็ไม่มีอะไรทำ ก็เลยถือโอกาสพาคุณแม่และน้องไปไหว้ศาลหลักเมือง ขอพรศาลหลักเมือ และเทวดาทั้ง 5 สิ่งศักดิ์เพื่อคุ้มครองเราและครอบครัวให้มีความสุขกันตลอดไป และเดินเล่นแถวสนามหลวง และก็มีโอกาสได้รับเสด็จของพระบรมโอรสาธิราช พระวรชายา และพระเจ้าหลานเธอสิริวัณวรี นารีรัตน์ ทั้งเสด็จไปและกลับ แต่ตอนรอท่านเสด็จกลับนี่สิ คนไม่รู้มาจากไหน เยอะมากมาย พอตำรวจปล่อยให้เดินก็แถบจะเหยียบกัน ไม่มีใครยอมใครเลย..แปลกจัง เราก็ปล่อยให้เค้าเดินกันไปก่อน บอกคุณแม่กับน้องว่า ไม่ต้องรีบเดี๋ยวจะแย่ และถนนเส้นราชดำเนินก็ถูกปิดไปด้วยผู้คนที่ใสเสื้อสีชมพู สวยดีค่ะ ไฟที่ประดับตกแต่งก็สวยงาม และเราเดินกันตั้งแต่สนามหลวงเดินชมกันมาเรื่อยๆๆ แล้วต้องมาหยุดอยู่ที่หน้าเวทีที่น้องชายเราทำงาน แถวๆ คอกวัว
และในวันนี้เป็นสำคัญของปวงชนชาวไทย คือเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ภูมิพล อดิลยเดช และเวลาประมาณ ทุ่มกว่า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ปวงชนชาวไทยทุกคนกำลังจะทำความดี นั่นคือ การได้จุดเทียนชัยถวายพระพรในหลวงอันทรงเป็นที่รักยิ่งของชาวไทย คุณแม่เราก็น่ารัก เตรียมเทียนมาจากบ้านด้วย พอถึงเวลาจุดเทียนชัยและร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดี เราหันไปถ่ายรูปและคุณแม่และน้อง ขนลุกไปหมดเมื่อเห็นด้านหลัง พลังมวลชน คนไทยร่วมใจ ใส่เสื้อสีชมพู จุดเทียนชัย และร้องเพลงถวายท่าน ช่างเป็นภาพที่น่าปลื้มจริงๆๆ นะ เราเคยแต่จุดเทียนชัยอยู่ที่บ้าน และร้องเพลงตามในทีวี ไม่ค่อยได้สัมผัสบรรยากาศอันน่าปลาบปลื้มอย่างนี้มานานแล้ว เพราะเด็กๆ ก็เคยไม่ร่วมงานนะ แต่มันก็ยังไม่ทราบซึ้งขนาดนี้อ่ะ หรือเป็นเพราะครั้งนี้เรามากันทั้งครอบครัว เสียดายปะป๊าขาเจ็บ เลยไม่ได้มาอ่ะและพอสิ้นเสียงเพลง พลุนับร้อยก็ถูกจุดขึ้นอย่างตระการตา สวยงามมาก เราถ่ายภาพนิ่งและวีดีโอ เก็บไว้จะได้เอากลับไปให้คนอื่นได้ชมความงามด้วย และสักพักขบวนรถพาเหรดก็เคลื่อนเข้าในถนนราชดำเนิน เราก็พาคุณแม่ไปดู แต่ด้วยความที่เราไม่รู้จุดแน่นอน ก็พาคุณแม่เดินจากจุดแยกคอกวัวไปเกือบถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่ก็ต้องโดนเบรคด้วย เจ้าหน้าที่ที่คุมขบวนรถพาเหรดไฟ ให้หยุดเดินแล้วช่วยชิดเข้าข้างทาง เนื่องจากอีกสักครู่เกาะกลางถนนจะทำการจุดพลุ และขบวนกำลังเข้ามา ขบวนรถไม่สามารถผ่านได้ แต่แทนที่จะมีการแจ้งล่วงหน้า มันกลายเป็นว่า คนที่เดินกันเต็มถนน ต้องเบียดกันให้อยู่รวมกันแค่ครึ่งถนน จะยืนก็ลำบาก น้องของเรา ก็แทบจะหายใจไม่ออก เกือบพลัดหลงกัน สงสารเด็กๆๆ เราเองก็เกือบแย่ และพอรถคันแรกผ่านไป เราจึงตัดสินพาคุณแม่และน้องให้เดินตามรถ และค่อยไปรอดูตรงแยกคอกวัวดีกว่า ระหว่างที่เดินไป หัวใจจะวาย แทบช็อก เพราะพลุที่อยู่เกาะกลางถนน ถูกจุดพุ่งขึ้นอย่างดัง เหมือนประหนึ่งอยู่สนามรบ นั่นระเบิดป่าวอ่ะ...555 แต่พอเงยหน้าก็พบกับพลุที่สวยงาม อืม..!.ให้อภัย...แล้วเราก็บอกว่ากับคุณแม่ว่า ให้พาน้องเดินไปเรื่อยๆๆ ถ้าหลงก็ให้ไปเจอกันที่ Booth ที่น้องชายทำงาน เพราะเราจะถ่ายรูปขบวนรถไปเรื่อยๆๆ และก็จริงๆๆ เรามาถึง Booth ก่อนคุณแม่และน้อง เพราะอาศัยความคล่องตัว กับการที่เคยทำงานตามขบวนแห่ต่อนอยู่ภูเก็ตมาเยอะ เราก็ต้องวิ่งกลับไปตามหาคุณแม่และน้องสาวอีกรอบ แล้วก็โทรตามให้มาเจอกันที่ Booth เลย เล่นเอาซะเกือบหมดแรง แต่พอจะกลับก็กลับไม่ได้ เพราะแทบจะไม่มีวี่แวว รถแท๊กซี่ เลย จึงต้องรอน้องชายเลิกงาน ก็ดึก กว่าจะได้ออกมา แถมรถติดอีกต่างหาก น้องชายขับรถวิ่งทะลุมายังแถวเสาชิงช้า อารมณ์อยากกินนมมนต์ พอลงไปที่ร้าน ต้องเปลี่ยนกะทันหัน เพราะคนแน่นออกมานอกร้าน ทำให้ต้องอดกินกันตามระเบียบ...เฮ้อ..เสียดายจริงๆๆ ออกมารถก็ติดซะมากมาย ถึงบ้านนี่อารมณ์เหมือนไปเที่ยวผับกันมาเลย ดึกมากตีหนึ่งกว่าได้อ่ะ ....
แต่ครั้งนี้เราไม่ได้ไปดู การฉายภาพพระราชกรณียกิจของในหลวงที่เป็น 4 มิติที่พระที่นั่งฯ เลยอ่ะ แต่มันก็เป็นความประทับใจและความปลาบปลื้มใจ ที่มีทั้งความเหนื่อย สนุก และความสุขไปด้วยพร้อมกัน มันจึงเป็นวันพ่อที่น่าประทับใจวันหนึ่งที่เราอยากให้ทุกคนหาโอกาสไปสัมผัสแบบเราบ้าง...แล้วทุกคนจะมีรอยยิ้ม^_^ กลับบ้านไปพร้อมกันค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น